จอร์เจีย ดินแดนแห่งหุบเขาเป็นประเทศที่อยู่ทางตะวันออกของทะเลดำในคอเคซัสตอนใต้ อดีตเป็นรัฐหนึ่งของสหภาพโซเวียต ทางเหนือติดประเทศรัสเซีย ทางใต้ติดประเทศตุรกี ประเทศอาร์มีเนีย และประเทศอาเซอร์ไบจานเป็นประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ครั้งหนึ่งจอร์เจียเคยเป็นหนึ่งในสหพันธรัฐรัสเซียมาก่อน ซึ่งประเทศจอร์เจียมีประวัติศาสตร์ที่ถูกปกครองโดยหลายชาติพันธ์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เปอร์เซีย มองโกเลีย เอเชียกลาง และรัสเซีย จนกระทั่งได้เป็นประเทศจอร์เจียอย่างในปัจจบัน ด้วยประวัติศาสตร์ของจอร์เจียที่ผ่านการปกครองมาหลายชาติหลายวัฒนธรรม ผู้คนจอร์เจียมีผิวขาวแบบยุโรป จมูกโด่งมากเหมือนเปอร์เซีย ตวงตากลมโต มองแล้วกึ่งยุโรปกึ่งแขก ในมื้ออาหารจะมีเนื้อสัตว์หลากชนิดและผักเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแทบทุกมื้ออาหารจะมีแป้งเป็นจานหลัก ชาวจอร์เจีย มีวิถีความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ดังนี้ จอร์เจียมีวิถีการกินดื่มที่ผสมผสาน อาหารมีเนื้อสัตว์และผักสลัดแบบยุโรปในขณะเดียวกันก็เน้นการกินแป้งแบบชาวเอเชียกลาง ในจอร์เจียมีร้านอาหารจำนวนมากและมีชื่อเสียงโด่งดังคือไวน์และน้ำแร่ สถานที่ท่องเที่ยว ไฮไลท์ประเทศจอร์เจีย (คนไทยไม่ต้องขอวีซ่า) 1. เทือกเขาคอเคซัส (Caucasus Mountains) เทือกเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทวีปยุโรป และเอเชีย ประกอบด้วย 2 ส่วน คือเทือกเขาคอเคซัสใหญ่ และเทือกเขาคอเคซัสน้อย 2. โบสถ์สมินดา ซาเมบา Tsminda Sameba หรือ โบสถ์เกอเกติ (GERGETI TRINITY CHURCH) โบสถ์ชื่อดังกลางหุบเขาคอเคซัสซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญหนึ่งของประเทศจอร์เจียโบสถ์คริสต์นิกายจอร์เจียนออร์โธด็อกซ์เก่าแก่นี้สร้างด้วยหินแกรนิตขนาดใหญ่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 บนยอดเขาที่มีความสูงถึง 2,170 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติของเทือกเขาคอเคซัสรอบทิศและโบสถ์เล็กๆที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาจึงทำให้ที่นี่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมาตั้งแต่สมัยที่จอร์เจียยังอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียตซึ่งตั้งอยู่อย่างสวยงามและโดดเด่นบนเนินเขาซึ่งล้อมรอบไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจีที่ระดับความสูง 2,170 เมตร 3. อุพลิสชิเค่ (ULISTSIKHECAVE – TOEN) ถ้ำเก่าแก่ของจอร์เจียมีการตั้งถิ่นฐานในดินแดนแถบนี้กันมานานแล้วกว่า 3000 ปีก่อนในอดีตช่วงยุคโบราณก่อนยุคกลาง (Hellenistic and Late Antique periods) ช่วง500 ปีก่อนคริสตกาล ถึง ค.ศ.500 เมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางศาสนาและวัฒนธรรมและช่วงที่เมืองนี้มีความเจริญสุดขีดคือ ในช่วงคริสตวรรษที่ 9 ถึง 11 ก่อนจะถูกรุกรานโดยชาวมองโกลในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 และถูกปล่อยให้เป็นเมืองร้างไปจะได้พบกับศาสนสถานที่มีห้องโถงขนาดใหญ่ที่ชาวเพเก้น (Pagan) ใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมซึ่งเป็นลัทธิบูชาไฟ เป็นลัทธิของคนในแถบนี้ก่อนที่ศาสนาคริสต์จะเข้าเมื่อ 1700 ปีก่อน และยังมีห้องต่างๆ ซึ่งคาดว่าเป็นโบสถ์เก่าแก่ของชาวคริสต์ ที่สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 4. อารามหลวงจีลาติ (GELATI CATHEDRAL) ถูกค้นพบในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ซึ่งทางองค์กรยูเนสโกได้ประกาศให้อารามจีลาติเป็นมรดกโลกเมื่อ ปี ค.ศ.1994 ภายในบริเวณอารามแบ่งเป็นสองส่วนคือโบสถ์เซนต์ นิโคลาส (St. Nicholas) และโบสถ์เซนต์ จอร์จ (St.George) ในโบสถ์เซนต์นิโคลัสนั้น มีภาพเขียนสีเฟรสโกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคริสต์ศาสนาหลายภาพ และยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์และที่สำคัญตรงบริเวณโดมขนาดใหญ่ของโบสถ์ซึ่งเป็นภาพพระแม่มารีนั้นใช้กระเบื้องโมเสกสีทองประดับประดากว่า 2 ล้านชิ้นที่สวยงามตระการตามาก 5. สะพานแห่งสันติภาพ (THE BRIDGE OF PEACE) สถาปัตยกรรมที่น่าสนใจในเมือง Tbilisi ออกแบบโดย Michele De Lucchi สถาปัคนิกชาวอิตาเลื่ยน ก่อนพระอาทิตย์ตกจะมีการแสดงแสงสีจากไฟ LED ที่ติดตัวรอบตัวสะพานเป็นเวลา 90 นาที สามารถมองเห็นได้หลายมุมจากในเมือง 6. วิหารศักดิ์สิทธิ์ (HOLY TRINITY CATHEDRAL) ที่เรียกกันว่า HOLY SAMEBA เป็นโบสถ์หลักของคริสตจักรออร์โธดอกจอร์เจียตั้งอยู่ในทบิลิซีเมืองหลวงของจอร์เจีย สร้างขึ้นระหว่างปี 1995 และปี 2004 และเป็นวิหารที่สูงที่สุดอันดับที่ 3 ของโบสถ์ออร์โธดอกในโลก ของฝากของที่ระลึกประเทศจอร์เจียไวน์ และผลไม้ต่างๆ เช่น เชอร์รี่, พีช, องุ่น และเบอร์รี่ต่างๆ